วิธีใช้โมเดล Embedding ร่วมกับ LLM เพื่อสร้างแอป AI ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
ทุกวันนี้ โมเดลภาษาแบบขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น GPT-4, Llama-3 หรือ Qwen2.5 เป็นที่พูดถึงอย่างมาก
แต่ถ้าคุณต้องการให้ LLM ทำงานกับข้อมูลของคุณได้จริง คุณจะต้องใช้โมเดลอีกชนิดหนึ่งควบคู่กันไป นั่นคือ โมเดล Embedding
บทความนี้จะอธิบายว่า Embedding คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ และวิธีรวมมันเข้ากับ LLM เพื่อสร้างฟีเจอร์อย่าง Semantic Search และ Retrieval-Augmented Generation (RAG)
1. โมเดล Embedding คืออะไร?
โมเดล Embedding ทำหน้าที่แปลงข้อความ (หรือข้อมูลประเภทอื่น) ให้กลายเป็นลิสต์ตัวเลข — หรือที่เรียกว่า เวกเตอร์ — ที่เก็บความหมายของข้อมูลนั้นไว้
ใน พื้นที่เวกเตอร์ (Vector Space) เนื้อหาที่มีความหมายใกล้เคียงกันจะอยู่ใกล้กัน แม้จะใช้คำไม่เหมือนกันก็ตาม
ตัวอย่าง:
"สุนัข" → [0.12, -0.09, 0.33, ...]
"ลูกสุนัข" → [0.11, -0.08, 0.31, ...] ← ความหมายใกล้กัน
"เครื่องบิน" → [-0.44, 0.88, 0.05, ...] ← ความหมายต่างกัน
โมเดล Embedding ยอดนิยม
- OpenAI:
text-embedding-3-large
,text-embedding-3-small
- รันโลคัล:
mxbai-embed-large
,all-MiniLM-L6-v2
,Qwen3-Embedding-0.6B-GGUF
- หลายภาษา:
embed-multilingual-v3.0
(Cohere)
2. ทำไมต้องใช้คู่กับ LLM?
LLM เก่งด้านการ วิเคราะห์และสร้างข้อความ แต่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเฉพาะของคุณได้โดยตรง
โมเดล Embedding แก้ปัญหานี้ด้วยการทำ Semantic Retrieval เพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูลของคุณ
การทำงานร่วมกันนี้คือหัวใจของ RAG:
- Embedding Model → แปลงเอกสารทั้งหมดเป็นเวกเตอร์แล้วเก็บใน Vector Database
- LLM → รับคำถาม, ดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูล, และสร้างคำตอบโดยใช้ข้อมูลนั้น
3. การทำงานของ RAG
graph TD
A["คำถามจากผู้ใช้"] --> B["Embedding Model → Query Vector"]
B --> C["Vector DB → ค้นหาเอกสารที่ใกล้เคียง"]
C --> D["เอกสารที่เกี่ยวข้อง"]
D --> E["LLM → รวมคำถาม + ข้อมูล → คำตอบสุดท้าย"]
ขั้นตอนการทำงาน
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมและจัดเก็บเอกสาร
- แบ่งเอกสารเป็นส่วนย่อย (เช่น 500 tokens ต่อชิ้น)
- ใช้ Embedding Model แปลงแต่ละส่วนเป็นเวกเตอร์
- จัดเก็บเวกเตอร์ + เมทาดาทาใน Vector Database (เช่น Qdrant, Milvus, Weaviate)
ขั้นตอนที่ 2: จัดการคำถามจากผู้ใช้
- แปลงคำถามเป็นเวกเตอร์ด้วย โมเดลเดียวกับตอนเก็บเอกสาร
- ค้นหาจากเวกเตอร์ที่คล้ายที่สุดในฐานข้อมูล
- ดึงข้อความต้นฉบับที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 3: สร้างคำตอบ
- ส่งทั้ง คำถาม และ เนื้อหาที่ดึงมา ไปยัง LLM
- ให้ LLM สร้างคำตอบที่ครบถ้วนและถูกต้อง
4. ตัวอย่างโค้ด: OpenAI API + Qdrant + GPT-4
from openai import OpenAI
import qdrant_client
client = OpenAI(api_key="YOUR_KEY")
qdrant = qdrant_client.QdrantClient(":memory:")
# 1. ฝังเอกสาร
doc = "ทุเรียนเป็นผลไม้เมืองร้อนที่ปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
embedding = client.embeddings.create(
model="text-embedding-3-large",
input=doc
).data[0].embedding
qdrant.recreate_collection("docs", vector_size=len(embedding))
qdrant.upsert("docs", [(0, embedding, {"text": doc})])
# 2. ฝังคำถาม
query = "ทุเรียนปลูกที่ไหน?"
query_vec = client.embeddings.create(
model="text-embedding-3-large",
input=query
).data[0].embedding
results = qdrant.search("docs", query_vec, limit=1)
context = results[0].payload["text"]
# 3. สร้างคำตอบ
answer = client.chat.completions.create(
model="gpt-4o",
messages=[
{"role": "system", "content": "ตอบคำถามโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ให้มา"},
{"role": "user", "content": f"ข้อมูล: {context}\n\nคำถาม: {query}"}
]
)
print(answer.choices[0].message["content"])
5. เคล็ดลับ
- เลือก Embedding Model ให้เหมาะกับเนื้อหา (รองรับหลายภาษาหากจำเป็น)
- ขนาด chunk สำคัญ: เล็กเกินไปจะขาดบริบท, ใหญ่เกินไปจะค้นหายาก
- ใช้โมเดลเดียวกันทั้งตอนสร้างเวกเตอร์และตอนค้นหา
- เลือก LLM ที่รองรับ context window ยาว ถ้าจะดึงข้อมูลหลายส่วน
6. ใช้เมื่อไหร่
- ระบบ Q\&A สำหรับฐานความรู้
- Semantic Search บนข้อมูลจำนวนมาก
- แชทบอทที่เข้าถึงเอกสารของคุณได้
- ผู้ช่วยที่มีบริบทในงานองค์กร
สรุป
การผสม Embedding Model กับ LLM ช่วยให้ได้ทั้งความแม่นยำของการค้นหา และความเป็นธรรมชาติของการสร้างข้อความ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมระบบ AI ระดับองค์กรเกือบทุกตัว — จาก ChatGPT Enterprise ถึงบอท RAG ในเครื่อง — ถึงใช้สถาปัตยกรรมสองโมเดลนี้
Get in Touch with us
Related Posts
- ระบบกล้องอัจฉริยะสำหรับตรวจหาข้อบกพร่องของวัสดุต่อเนื่อง
- สร้างระบบตรวจจับความเสียหายแบบเรียลไทม์ด้วยกล้อง Line-Scan + AI (แนวทางนำไปใช้ได้หลายอุตสาหกรรม)
- วิธีอ่านซอร์สโค้ด: ตัวอย่างจาก Frappe Framework
- Interface-Oriented Design: รากฐานของ Clean Architecture
- เข้าใจระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) – สถาปัตยกรรม ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์
- RTOS vs Linux ในระบบโดรน: ออกแบบอย่างไรให้ทันสมัย ปลอดภัย และเขียนด้วย Rust ได้หรือไม่?
- ทำไม Spring ต้องใช้ Annotation เยอะ? เจาะลึกโลก Java และ Python สำหรับนักพัฒนาเว็บ
- จาก Django สู่ Spring Boot: คู่มือเปรียบเทียบฉบับเข้าใจง่ายสำหรับนักพัฒนาเว็บ
- สร้างระบบ Python ขนาดใหญ่แบบยั่งยืนด้วย Clean Architecture (พร้อมตัวอย่างและแผนภาพ)
- ทำไม Test-Driven Development (TDD) ถึงตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่
- สร้างระบบ Continuous Delivery ให้ Django บน DigitalOcean ด้วย GitHub Actions และ Docker
- สร้างระบบแนะนำสินค้าในอีคอมเมิร์ซด้วย LangChain, Ollama และ Open-source Embedding แบบ Local
- คู่มือปี 2025: เปรียบเทียบเฟรมเวิร์กสร้างแอปมือถือยอดนิยม (Flutter, React Native, Expo, Ionic และอื่น ๆ)
- เข้าใจการใช้ `np.meshgrid()` ใน NumPy: ทำไมถึงจำเป็น และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสลับลำดับ?
- วิธีใช้ PyMeasure เพื่อควบคุมเครื่องมือวัดและทดลองในห้องแล็บโดยอัตโนมัติ
- ยกระดับแชทบอทของคุณด้วยบริการเชื่อมต่อ API กับระบบธุรกิจ
- เดา “สมการ” โดยไม่ต้องใช้คณิตศาสตร์: สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างแมวกับนก
- วิธีสร้างโปรเจกต์ที่ทนทานต่อ AI: ไอเดียที่เน้นการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์
- สร้างห้องทดลองความปลอดภัยไซเบอร์ด้วย GNS3 + Wazuh + Docker ฝึก ตรวจจับ และป้องกันภัยคุกคามในระบบเดียว
- วิธีจำลองและฝึกฝนการตั้งค่าอุปกรณ์เครือข่ายด้วย GNS3