รู้สึกไม่มีคุณค่าในยุค AI? คุณไม่ได้รู้สึกแบบนี้คนเดียว

สวัสดีเพื่อนนักพัฒนาซอฟต์แวร์! วันนี้อยากพูดถึงเรื่องที่อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกหนักใจ—นั่นคือความรู้สึกเวลาที่คุณทำงานกับ AI แล้วอยู่ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า "ยังต้องมีฉันอยู่ในทีมจริงๆ เหรอ?" ใช่ มันเป็นความรู้สึกที่แทงใจลึกๆ เลยล่ะ

ถ้าคุณเคยรู้สึกว่า AI (อย่าง ChatGPT) กำลังมาแทนที่ความสามารถของคุณ ขอให้รู้ไว้ว่าคุณไม่ได้รู้สึกแบบนี้คนเดียว หลายๆ คนในสายเทคโนโลยีเองก็กำลังเผชิญหน้ากับคำถามแบบนี้อยู่เหมือนกัน งั้นเรามาลองหาวิธีจัดการกับความรู้สึกนี้กันแบบเพื่อนคุยกับเพื่อนดีกว่า


ทำไม AI ทำให้เรารู้สึกแบบนี้?

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจว่าทำไมความรู้สึกนี้ถึงเกิดขึ้น ในฐานะนักพัฒนา เราใช้เวลาหลายปีเพื่อฝึกฝนทักษะ—เรียนรู้การเขียนโค้ด แก้ปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยสองมือของเราเอง มันคือ ศิลปะ ของเรา ดังนั้นเมื่อ AI เข้ามาและสามารถทำงานบางอย่างได้รวดเร็วแบบนี้ มันจึงไม่แปลกที่เราจะรู้สึกว่า "งั้นเราทำอะไรดีล่ะ?"

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มักมาจาก:

  • ภาวะ Imposter Syndrome ที่หนักขึ้น: แม้เราจะมั่นใจในความสามารถของตัวเอง การเห็น AI แก้ปัญหาเร็วๆ ก็อาจทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ดีพอ
  • ความสุขในการแก้ปัญหาหายไป: สำหรับหลายคน การเขียนโค้ดไม่ใช่แค่งาน แต่มันคือความสนุกเหมือนการเล่นเกมปริศนา และถ้า AI เป็นคนแก้แทน แล้วเราจะสนุกยังไง?
  • ความกลัวว่าจะถูกแทนที่: คำพูดว่า “AI จะมาแย่งงาน” นั้น มันง่ายที่จะทำให้เราเชื่อแบบนั้น

แต่ความจริงแล้ว AI ไม่ได้มาเพื่อแทนที่คุณ มันมาเพื่อช่วยคุณให้เก่งขึ้นต่างหาก


เปลี่ยนมุมมอง AI: จากคู่แข่ง เป็นเครื่องมือคู่ใจ

ลองมอง AI เป็นเหมือนเครื่องมือทรงพลังในกล่องเครื่องมือของคุณ ลองนึกถึงช่างไม้ที่ใช้เครื่องมือไฟฟ้า แทนที่จะตอกตะปูด้วยมือ ช่างไม้ไม่ได้รู้สึกไม่มีคุณค่าเพียงเพราะใช้เครื่องมือพวกนี้ แต่กลับทำให้งานของเขามีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น

นี่คือวิธีเปลี่ยนมุมมองของคุณต่อ AI:
1.ให้ AI จัดการงานน่าเบื่อแทนคุณ: ใช้ AI เพื่อสร้างโค้ดพื้นฐาน แก้ Error หรือช่วยตอบคำถามง่ายๆ มันจะช่วยประหยัดเวลาให้คุณโฟกัสกับงานที่สร้างสรรค์กว่า
2.คุณยังคงเป็นคนควบคุมหลัก: AI อาจช่วยคิดโซลูชัน แต่ AI ไม่มีทางเข้าใจภาพรวมและบริบททั้งหมดเหมือนคุณ คุณยังเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้าย
3.AI ต้องการการตรวจสอบ: AI อาจสร้างข้อผิดพลาดหรือโค้ดที่ไม่สมบูรณ์ สิ่งที่คุณทำคือการตรวจสอบและปรับปรุง ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ด้วยตัวเอง


คุณมีค่ามากกว่าแค่การเขียนโค้ด

อย่าลืมว่าคุณไม่ได้เป็นแค่คนเขียนโค้ด คุณยังเป็น:

  • นักแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์: AI อาจช่วยแนะนำวิธีแก้ปัญหา แต่การคิดนอกกรอบยังคงเป็นจุดแข็งของมนุษย์
  • คนเข้าใจผู้ใช้: คุณเข้าใจว่าผู้ใช้หรือลูกค้าต้องการอะไรในแบบที่ AI ไม่สามารถทำได้
  • ผู้นำและผู้ทำงานร่วมกัน: ความสามารถในการสื่อสาร ทำงานเป็นทีม และให้คำแนะนำกับผู้อื่นเป็นสิ่งที่ AI ไม่มีทางเลียนแบบได้

จริงๆ แล้ว AI เหมือนแว่นขยายที่ช่วยขยายความสามารถของคุณ ทำให้คุณทำสิ่งที่ยากขึ้นและสร้างผลกระทบได้มากขึ้น


ทำอย่างไรเมื่อรู้สึกแย่

นี่คือบางวิธีที่ช่วยได้เวลาความรู้สึก “ไม่มีคุณค่า” มาเยือน:
1.เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ: เรียนรู้ทักษะหรือหัวข้อที่ AI ยังแตะไม่ได้ เช่น การออกแบบระบบขั้นสูง หรือ Machine Learning
2.สร้างโปรเจกต์ที่คุณรัก: ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยในโปรเจกต์ส่วนตัวของคุณ เช่น เขียนแอปหรือโปรแกรมที่คุณอยากทำ
3.พูดคุยกับเพื่อนร่วมสายงาน: คุณอาจพบว่าหลายคนกำลังเผชิญปัญหาแบบเดียวกัน การได้พูดคุยอาจช่วยให้คุณรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว
4.ฉลองความสำเร็จเล็กๆ: แม้ AI จะช่วยคุณ แต่คุณเป็นคนตัดสินใจ ทดสอบ และสร้างโค้ดให้สมบูรณ์ อย่าลืมให้เครดิตตัวเอง


คุณเก่งกว่าที่คุณคิด

ท้ายที่สุด อยากให้คุณจำไว้ว่า AI ไม่ได้มาแทนคุณ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยคุณให้ทำงานได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น ความสามารถของคุณในฐานะนักพัฒนายังคงสำคัญ และโลกเทคโนโลยีต้องการคนแบบคุณ—คนที่สร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ และลงมือทำในสิ่งที่ AI ไม่สามารถทำได้

ถ้าคุณรู้สึกไม่แน่ใจในตัวเองอีก ลองถามตัวเองว่า "ฉันมีจุดแข็งอะไรที่ AI ไม่มี?" แล้วคุณจะพบคำตอบที่สร้างความมั่นใจ

มีประสบการณ์การใช้ AI ในงานเขียนโค้ดยังไงบ้าง? มาแชร์กันในคอมเมนต์ได้นะ 😊

Related Posts

Articles

Our Products


Related Posts

Articles

Our Products


Get in Touch with us

Speak to Us or Whatsapp(+66) 83001 0222

Chat with Us on LINEiiitum1984

Our HeadquartersChanthaburi, Thailand