ปรับแต่ง LM Studio สำหรับงานโค้ด: เข้าใจ `top_p`, `top_k` และ `repeat_penalty`
เวลาที่เราใช้ LM Studio เพื่อช่วยในการเขียนโค้ด ไม่ใช่แค่เลือกโมเดลที่ดีเท่านั้น แต่การตั้งค่า พารามิเตอร์การสร้างข้อความ (generation settings) ก็สำคัญมาก โดยเฉพาะ top_p, top_k และ repeat_penalty ที่มีผลต่อความแม่นยำ ความสร้างสรรค์ และความเสถียรของผลลัพธ์
ถ้าใครเคยเจอปัญหาโมเดลวนลูปพิมพ์ซ้ำ หรือสร้างโค้ดที่ไม่ตรงกับโจทย์ ลองมาทำความเข้าใจ 3 ตัวนี้ให้ดีครับ
🎯 top_k คืออะไร?
top_k คือการจำกัดตัวเลือกของโมเดล
ปกติแล้วโมเดลจะประเมินความน่าจะเป็นของ token (คำ/สัญลักษณ์) นับพัน แต่ top_k จะบอกว่า “ให้เลือกเฉพาะ K อันดับแรกเท่านั้น”
top_k = 20→ โฟกัสมาก เลือกได้แค่ 20 ตัวเลือกtop_k = 100→ กว้างขึ้น หลากหลายขึ้นtop_k = -1→ ไม่จำกัด เลือกจากทั้งหมดได้
👉 เหมาะสำหรับโค้ด: ใช้ช่วง 20–50 เพื่อให้ผลลัพธ์เสถียรและแม่นยำ
🎯 top_p คืออะไร?
ถ้า top_k เน้นจำนวนตัวเลือก top_p จะเน้น เปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็นรวม (nucleus sampling)
top_p = 0.9→ เลือก token ที่รวมกันได้ 90% ของความน่าจะเป็นtop_p = 0.8→ แคบลง ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นtop_p = 1.0→ ไม่กรองเลย ใช้ทั้ง distribution
👉 เหมาะสำหรับโค้ด: ตั้งไว้ที่ 0.85–0.9 กำลังดี มีความแม่นยำและยังยืดหยุ่นพอสำหรับชื่อฟังก์ชันหรือคอมเมนต์
🎯 repeat_penalty คืออะไร?
เวลาที่โมเดลพิมพ์ซ้ำ เช่น print(print(print(...))) นั่นคือผลจากการไม่มีการลงโทษการซ้ำ
repeat_penalty จะช่วยป้องกันไม่ให้ token ที่ใช้แล้วถูกนำมาใช้ซ้ำบ่อยเกินไป
repeat_penalty = 1.0→ ไม่ลงโทษ อาจวนลูปได้repeat_penalty = 1.05→ กดซ้ำเบา ๆrepeat_penalty = 1.2→ กดซ้ำแรงมาก
👉 เหมาะสำหรับโค้ด: ใช้ที่ 1.05 ถ้าเจอซ้ำบ่อยค่อยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
⚙️ ค่าที่แนะนำสำหรับงานโค้ด
{
"temperature": 0.2,
"top_k": 40,
"top_p": 0.9,
"repeat_penalty": 1.05,
"max_tokens": 2048,
"seed": -1
}
- temperature ต่ำ (0.2): ทำให้โค้ดเสถียรและไม่สุ่มเกินไป
- top_k + top_p สมดุล: ช่วยให้โค้ดตรงและไม่หลุด
- repeat_penalty อ่อน ๆ: ป้องกันการวนซ้ำ
- seed = -1: สุ่มโดยค่าเริ่มต้น ตั้งเลขเฉพาะถ้าต้องการ reproducibility
🖼️ แผนภาพการตั้งค่าใน LM Studio
┌───────────────────────────────┐
│ LM Studio UI │
└───────────────────────────────┘
│
▼
┌───────────────────────────────┐
│ Model Config JSON │
│ │
│ { │
│ "temperature": 0.2, │
│ "top_k": 40, │
│ "top_p": 0.9, │
│ "repeat_penalty": 1.05, │
│ "max_tokens": 2048, │
│ "seed": -1 │
│ } │
└───────────────────────────────┘
│
▼
┌───────────────────────────────┐
│ ผลลัพธ์ของโมเดล │
├───────────────────────────────┤
│ top_k → จำกัดจำนวน token │
│ top_p → จำกัดด้วยความน่าจะเป็น │
│ repeat_penalty → กันวนซ้ำ │
│ temperature → ความสร้างสรรค์ │
└───────────────────────────────┘
✅ สรุปสั้น ๆ
top_k= shortlist → ใช้ 20–50top_p= ความน่าจะเป็นรวม → ใช้ \~0.9repeat_penalty= กันซ้ำ → ใช้ 1.05- temperature ต่ำ → โค้ดคมชัด ไม่สุ่ม
เพียงเท่านี้ LM Studio ก็จะกลายเป็น คู่หูเขียนโค้ดที่เสถียรและแม่นยำ ไม่ใช่ AI ที่พูดวกวนหรือพิมพ์ซ้ำอีกต่อไป 🚀
Get in Touch with us
Related Posts
- RPA + AI: ทำไมระบบอัตโนมัติถึงล้มเหลว หากไม่มี “ความฉลาด” และการควบคุมที่ดี
- การจำลองความขัดแย้งชายแดนและ Proxy War
- แก้ “การค้นหาและการเข้าถึง” ก่อน ก้าวแรกที่เร็วที่สุดในการฟื้นคุณค่าห้องสมุดมหาวิทยาลัยในยุคดิจิทัล
- เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มใหม่ สำหรับโรงงานที่ขายเศษวัสดุ และโรงงานรีไซเคิลในประเทศไทย
- แนวทางพัฒนา MES ด้วย Python สำหรับโรงงานไทย
- MES vs ERP vs SCADA: บทบาทและขอบเขตที่โรงงานไทยควรรู้
- ทำไมการเรียนเขียนโปรแกรมถึง “เจ็บปวด” — และเราจะแก้มันอย่างไร
- องค์กรควรเลือก AI แบบ GPT หรือ AI แบบ Gemini?
- ตัวอย่างการใช้งานจริงที่ GPT-5.2 เหนือกว่า GPT-5.1 อย่างชัดเจน
- ChatGPT 5.2 vs 5.1 — อธิบายความแตกต่างด้วยอุปมาเข้าใจง่าย
- ทำไมธุรกิจที่กำลังเติบโต มัก “โตเกิน” ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในที่สุด และบริษัทที่ประสบความสำเร็จเขาจัดการอย่างไร
- Computer Vision บน Edge Device และสภาพแวดล้อมทรัพยากรจำกัด: ความท้าทายและโอกาสสำหรับไทย
- Simplico — โซลูชัน AI Automation และระบบซอฟต์แวร์เฉพาะทางสำหรับธุรกิจไทย
- AI สำหรับ Predictive Maintenance — จากเซนเซอร์สู่โมเดลพยากรณ์
- ผู้ช่วย AI สำหรับนักบัญชี — ทำอะไรได้ และทำอะไรยังไม่ได้
- ทำไมธุรกิจ SME ถึงจ่ายค่า Custom ERP แพงเกินจริง — และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
- ทำไมเราถึงสร้าง SimpliShop — และแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตได้อย่างไร
- Fine-Tuning vs Prompt Engineering แบบเข้าใจง่ายสำหรับผู้นำองค์กรไทย
- บทนำสู่ระบบชลประทานแบบแม่นยำ (Precision Irrigation)
- IoT Sensors ไม่ได้สำคัญที่สุด — “การเชื่อมข้อมูล” ต่างหากคือหัวใจของ Smart Farming













