ทำไมการเรียนเขียนโปรแกรมถึง “เจ็บปวด” — และเราจะแก้มันอย่างไร

หลายคนที่เริ่มเรียนเขียนโปรแกรมมักได้ยินคำแนะนำเดิม ๆ เช่น
“ต้องเขียนโค้ดเยอะ ๆ” หรือ “เดี๋ยวก็เก่งเอง”

แต่คนที่เคยลองจริงจะรู้ว่า…

ปัญหาไม่ใช่ความขี้เกียจ
แต่คือโครงสร้างการเรียนที่ผิดตั้งแต่ต้น

บทความนี้จะอธิบาย Pain Points ที่แท้จริงในการเรียน Software Development
และแนวทางแก้ที่ช่วยให้เรียนได้ ชัดขึ้น เหนื่อยน้อยลง และไม่ท้อกลางทาง


Pain #1: ดู Tutorial รู้เรื่อง แต่พอให้ทำเอง… ทำไม่ออก

อาการที่เจอบ่อย

  • ดูคลิปตามได้ทุกบรรทัด
  • เข้าใจโค้ดที่คนอื่นเขียน
  • แต่พอเปิดไฟล์เปล่า ๆ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน

สาเหตุจริง

Tutorial คือ “โลกปิด”

  • ทุกอย่างถูกตัดสินใจไว้แล้ว
  • ปัญหาถูกเลือกมาให้เหมาะ
  • ไม่มีความคลุมเครือ

แต่โลกของงานจริงคือ “โลกเปิด”

  • โจทย์ไม่ชัด
  • ไม่มีคำตอบเดียว
  • ต้องตัดสินใจตลอดเวลา

วิธีแก้

  • สร้างโปรเจกต์เล็ก ๆ แบบ จบทั้งระบบ
  • ไม่ต้องสวย ไม่ต้องครบ
  • ขอแค่มี:

    • input
    • logic
    • output

โค้ดที่ “จบ” ดีกว่าโค้ดที่ “สวยแต่ไม่เสร็จ”


Pain #2: เครื่องมือเยอะเกินไป เลือกไม่ถูก

อาการที่เจอ

  • Python หรือ JavaScript ดี?
  • Django หรือ FastAPI?
  • React จำเป็นไหม?
  • ทุกคนบอกของตัวเองดีที่สุด

สาเหตุจริง

อินเทอร์เน็ตถูกออกแบบมาเพื่อ:

  • ยอดวิว
  • ความใหม่
  • ตัวตนของคนสอน

ไม่ใช่เพื่อความชัดเจนของผู้เรียน

วิธีแก้

  • เลือก Stack เดียวที่นิ่ง
  • ใช้นานพอให้ “เข้าใจ”
  • วัดผลจาก:

    • ปัญหาที่แก้ได้
    • ระบบที่สร้างได้
    • อธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้หรือไม่

เครื่องมือเปลี่ยนได้
แต่ความเข้าใจระบบ เปลี่ยนไม่ได้


Pain #3: โค้ดรันได้ แต่ไม่กล้าแตะ

อาการที่เจอ

  • โค้ดทำงาน แต่ไม่รู้ว่าทำงานยังไง
  • กลัวแก้แล้วพัง
  • Debug ไม่เป็น

สาเหตุจริง

Framework สมัยใหม่ “ซ่อนความซับซ้อนเร็วเกินไป”

  • data flow
  • lifecycle
  • state
  • request/response

ทำให้ผู้เรียนข้าม “เหตุผล” ไปเรียนแค่ “วิธีใช้”

วิธีแก้

  • คิดเป็นชั้น:

    • ข้อมูลเข้า → ประมวลผล → เก็บ → ส่งออก
  • ลองทำระบบง่าย ๆ แบบไม่พึ่ง framework ก่อน
  • ฝึกอธิบายโค้ดของตัวเองเป็นคำพูด

ถ้าอธิบายได้ แปลว่าเข้าใจจริง


Pain #4: เรียนมานาน แต่รู้สึกไม่เก่งขึ้น

อาการที่เจอ

  • เรียนหลายเดือน แต่ยังรู้สึกเป็นมือใหม่
  • เทียบตัวเองกับคนอื่นแล้วท้อ

สาเหตุจริง

ทักษะ Software โตแบบ “ไม่เป็นเส้นตรง”

  • ช่วงแรกเหนื่อย แต่ผลลัพธ์น้อย
  • พอเข้าใจระบบแล้ว ความเร็วจะพุ่ง

วิธีแก้

เลิกวัดผลจาก “เวลา”
เปลี่ยนมาวัดจาก “ความสามารถ” เช่น:

  • Deploy แอปเองได้
  • Debug โดยไม่ตื่นตระหนก
  • ลบแล้วเขียนใหม่ได้
  • รู้ว่าข้อมูลอยู่ตรงไหน

Pain #5: โลกจริงไม่เหมือนในคอร์ส

อาการที่เจอ

  • ในคอร์สดูง่าย
  • พอทำโปรเจกต์จริง เครียดและมั่ว

สาเหตุจริง

งานจริงคือ:

  • ไม่ครบ
  • เปลี่ยนตลอด
  • มีข้อจำกัด

คอร์สสอน “ทางที่สวย”
แต่โลกจริงต้องการ “การตัดสินใจ”

วิธีแก้

  • ทำโปรเจกต์ที่มีผู้ใช้จริง (แม้จะเป็นตัวเอง)
  • ตั้งใจเปลี่ยน requirement กลางทาง
  • ฝึกคิด trade-off

Pain #6: รู้สึกว่า “เราไม่เหมาะกับสายนี้”

อาการที่เจอ

  • Imposter syndrome
  • กลัวถาม
  • คิดว่าคนอื่นเก่งกว่า

ความจริง

นักพัฒนาทุกคน:

  • เจอ error ทุกวัน
  • งงเป็นประจำ
  • แก้พังบ่อย

ความต่างคือ “ไม่เลิก”

Developer ที่เก่ง ไม่ใช่คนที่ไม่พลาด
แต่คือคนที่พลาดแล้วเดินต่อ


บทสรุปสำคัญ

Software Development ไม่ใช่เรื่องการเขียนโค้ดเร็ว
แต่คือการ:

  • เข้าใจระบบ
  • จัดการความซับซ้อน
  • แก้ปัญหาที่ไม่ชัด
  • คิดเป็นขั้นเป็นตอน

ถ้าโครงสร้างการเรียนถูกต้อง
ความมั่นใจและความก้าวหน้าจะตามมาเอง


Get in Touch with us

Chat with Us on LINE

iiitum1984

Speak to Us or Whatsapp

(+66) 83001 0222

Related Posts

Our Products