วิธีจัดการราคาซับซ้อนสำหรับสินค้าสั่งทำพิเศษ (Made-to-Order) ใน Odoo

ถ้าคุณขายสินค้าสั่งทำพิเศษ คุณคงรู้ดีว่า “การตั้งราคา” มักจะยุ่งยากสุด ๆ
ราคาขึ้นอยู่กับขนาด วัสดุ การเคลือบพิเศษ งานด่วน หรือแค่ความจริงที่ว่า “ทุกออเดอร์ไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง”

คำถามคือ: จะทำยังไงให้ Odoo ช่วยจัดการราคาพวกนี้ได้แบบอัตโนมัติ?

เรามาดูกันว่า Odoo ทำอะไรได้ดีอยู่แล้ว และเราจะเสริมจุดอ่อนของมันได้ยังไงเพื่อรองรับราคาที่ซับซ้อนขึ้น


Odoo ทำอะไรได้ดีในงานสั่งทำพิเศษ (MTO)?

Odoo ตั้งค่าระบบสินค้าสั่งผลิตตามออเดอร์ได้ง่ายมาก แค่:

  • ✅ เช็ค “Replenish on Order (MTO)”
  • ✅ เลือก “Manufacture” หรือ “Buy”

แค่นี้ ทุกครั้งที่มีออเดอร์เข้ามา Odoo จะสร้างใบสั่งผลิตหรือสั่งซื้อให้อัตโนมัติ

แต่เมื่อไหร่ที่มีเรื่องราคาซับซ้อนเข้ามา ระบบเริ่มจะตามไม่ทัน...


จุดที่ Odoo เริ่มมีข้อจำกัด

ถ้าคุณตั้งราคาจาก:

  • ขนาดที่ลูกค้าเลือกเอง (เช่น แบนเนอร์ หน้าต่าง)
  • วัสดุพิเศษ (แบบเคลือบ แบบกันน้ำ)
  • บริการเสริม (ออกแบบ งานเร่ง ใบรับรอง)
  • ราคาตามลูกค้า (ราคาพิเศษรายโปรเจกต์)

...ฟีเจอร์ pricelist ปกติของ Odoo จะไม่พอแน่นอน

คุณจะเริ่มสงสัยว่า:

“ทำไมระบบไม่คำนวณราคาจากความกว้าง-ความยาวให้เลย?”
“ทำไมต้องมาคิดค่าบริการเพิ่มเองทุกครั้ง?”


แล้วจะทำยังไงดี?

ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของราคาคุณ เรามีตัวเลือกหลายแบบ:

1. ใช้ Odoo Studio (ถ้ากฎราคายังไม่ซับซ้อนมาก)

สำหรับผู้ใช้ Odoo Enterprise — Odoo Studio ให้คุณสร้างฟิลด์เองและใส่สูตรคำนวณง่าย ๆ ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

เช่น:

เพิ่มฟิลด์ “ความยาว” กับ “ความกว้าง”
เอามาคูณกัน = พื้นที่
คูณราคาต่อตารางเมตร
บวกค่าด่วนเพิ่มถ้ามี

วิธีนี้เหมาะกับกรณีพื้นฐาน แต่จะเริ่มไม่พอถ้ามีกฎเยอะ ๆ


2. เขียนโมดูลเอง (ถ้าต้องการควบคุมเต็มที่)

ถ้าคุณอยากได้ระบบราคาที่ "ทำงานได้ตามเงื่อนไขของคุณเป๊ะ ๆ" — สร้างโมดูลเองดีที่สุด

คุณสามารถ:

  • เพิ่มฟิลด์ตามต้องการ เช่น ขนาด พื้นผิว ประเภทงาน
  • คำนวณราคาอัตโนมัติแบบไม่มีพลาด
  • ดึงต้นทุนจาก BoM แล้วบวกกำไร
  • เพิ่มค่าส่งด่วน หรือค่าบริการเสริมตามเงื่อนไข

ตัวอย่างโค้ดง่าย ๆ:

@api.onchange('length', 'width', 'rush_order')
def _compute_price_unit(self):
    for line in self:
        area = (line.length or 0) * (line.width or 0)
        price = area * 12
        if line.rush_order:
            price += 50
        line.price_unit = price

แค่ใส่ข้อมูลลงในฟิลด์ ระบบจะคิดราคาให้เลย


3. ใช้แอป Product Configurator

ถ้าไม่อยากเขียนเอง Odoo มีโมดูลช่วย เช่น
OCA Product Configurator

คุณสามารถตั้ง:

  • ตัวเลือกสินค้า (สี ขนาด อุปกรณ์เสริม)
  • เงื่อนไขราคา (ถ้าเลือก A ให้บวกเพิ่ม B)
  • สร้างบรรทัดสินค้าอัตโนมัติตามที่เลือก

เหมาะมากสำหรับธุรกิจที่มีหลายตัวเลือกและรูปแบบสินค้า


4. ใช้ Excel/Google Sheets (ถ้ายุ่งมากจริง ๆ)

ถ้ามีกฎราคาซับซ้อนมาก ๆ (30+ ตัวแปร หรือเปลี่ยนบ่อย) บางคนยังใช้ Excel อยู่ดี
พอได้ราคาสุดท้าย ก็ค่อยเอาไปใส่ในออเดอร์ของ Odoo

ไม่หรูหรา แต่ง่ายและยังเวิร์กในระยะสั้น


จุดแข็งของ Odoo: “ยืดหยุ่น”

ข้อดีของ Odoo คือคุณ “ไม่ต้องติดอยู่กับของเดิม”
ระบบ MTO เริ่มต้นอาจจะง่าย แต่คุณสามารถปรับแต่งให้ซับซ้อนแค่ไหนก็ได้

ถ้าทีมคุณยังต้องใช้เครื่องคิดเลข หรือโพสต์อิทในการตั้งราคา
ถึงเวลาให้ Odoo มาช่วยแล้วล่ะ


สรุป: จะเริ่มจากอะไรดี?

เคสของคุณ ทางเลือกที่เหมาะสม
ราคาง่าย (ตามพื้นที่ ปริมาณ) Odoo Studio
กฎเพิ่มนิดหน่อย (งานด่วน วัสดุพิเศษ) ฟิลด์ custom + logic Python
ตัวเลือกเยอะ ใช้โมดูล Product Configurator
ซับซ้อนขั้นเทพ คิดราคานอกระบบไปก่อน แล้วค่อยสร้างโมดูลเอง

สรุปสุดท้าย

ราคาสั่งทำพิเศษ ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเสมอไป

ด้วยการตั้งค่าที่ถูกต้องใน Odoo คุณจะสามารถเสนอราคาได้เร็วขึ้น ลดข้อผิดพลาด และให้ราคาที่ชัดเจนกับลูกค้า — ไม่ว่าพวกเขาจะสั่งอะไรแบบ “พิเศษสุด ๆ” ก็ตาม

อยากให้ช่วยวางระบบหรือตั้งค่าให้เข้ากับธุรกิจคุณ? ยินดีช่วยออกแบบให้เหมาะกับงานของคุณครับ


Get in Touch with us

Chat with Us on LINE

iiitum1984

Speak to Us or Whatsapp

(+66) 83001 0222

Related Posts

Our Products