ทำไมธุรกิจ SME ถึงจ่ายค่า Custom ERP แพงเกินจริง — และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ระบบ ERP ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และทำให้การตัดสินใจเร็วขึ้น แต่สำหรับธุรกิจ SME จำนวนมาก ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม: โครงการเกินงบ ปรับแต่ง (customize) มากเกินไป ระบบซับซ้อนเกินจำเป็น และต้นทุนรวมสูงกว่าที่คาดไว้มาก
สาเหตุสำคัญไม่ใช่เพราะซอฟต์แวร์มีราคาแพง
แต่เป็นเพราะ องค์กรยังไม่ชัดเจนในขั้นตอนการทำงานของตัวเอง และพยายามให้ระบบ ERP ปรับตามรูปแบบการทำงานเดิมทั้งหมด
บทความนี้อธิบายว่าทำไมค่า customization ถึงบานปลาย และ SME ไทยสามารถป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร
1. SME มักไม่เข้าใจขั้นตอนการทำงานของตัวเองอย่างละเอียด
หลายองค์กรทำงานด้วยวิธีปากเปล่า (“ให้ฝ่ายบัญชีเช็กให้นะ”, “เดี๋ยวโทรถามคลังสินค้า”, “หัวหน้าจะอนุมัติให้เอง”)
แต่เมื่อทุกอย่างต้องใส่ลงใน ERP ระบบต้องรองรับ เงื่อนไขที่ซับซ้อน เหล่านี้ทั้งหมด
ผลลัพธ์คือ:
- นักพัฒนาต้องเดา logic ของงาน
- ขั้นตอนที่ไม่มีประสิทธิภาพถูกใส่เข้าไปในระบบใหม่แบบไม่จำเป็น
สุดท้าย SME จ่ายเงินเพื่อ “สร้างความยุ่งยากแบบเดิมขึ้นมาใหม่” ในระบบที่ควรทำงานง่ายกว่าเดิม
วิธีป้องกัน
- แผนผังกระบวนการ (process mapping) ให้ชัดเจนก่อนเริ่มโครงการ
- ตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น
- ปรับ workflow ให้เป็นมาตรฐาน ลดความต้องการ customize
2. ฟีเจอร์ “อยากได้ไว้ก่อน” มักถูกจัดเป็น “ต้องมี” เสมอ
คำขอเล็ก ๆ เช่น:
- “เพิ่ม field อีกนิดได้ไหม”
- “อยากได้ปุ่มนี้เพิ่มไว้ก่อน”
- “เผื่ออนาคตจะใช้”
ทำให้ต้นทุน customization สูงขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
เพราะการเพิ่มหนึ่ง field ไม่ใช่แค่เพิ่มข้อมูล แต่เกี่ยวข้องกับ:
- โครงสร้างฐานข้อมูล
- validation
- สิทธิ์ผู้ใช้งาน
- API
- หน้า report
- การจัดการ error
สิ่งเล็ก ๆ สามารถลากให้ทั้งระบบซับซ้อนขึ้นทันที
วิธีป้องกัน
- จัดลำดับฟีเจอร์: ต้องมี / ควรมี / ไว้ก่อน
- ฟีเจอร์ที่ไม่ critical ให้ไป Phase 2
- ใช้ฟีเจอร์มาตรฐานให้มากที่สุด
3. Customize มากเกินไป ทำให้ระบบอัปเกรดยากและแพง
ยิ่งแก้ core system มากเท่าไร เวลาที่ vendor อัปเดตระบบก็ยิ่งมีโอกาสพังมากขึ้น เช่น:
- โครงสร้างฐานข้อมูลเปลี่ยน
- มี module ใหม่
- API เปลี่ยน
- version ของ framework ใหม่ขึ้น
หลาย SME พบว่าค่า “อัปเกรดระบบ” แพงกว่า “ค่าพัฒนา ERP ตอนแรก” ด้วยซ้ำ
วิธีป้องกัน
- ลดการแก้ไขหน้าจอหลัก
- แยก custom module ออกด้วย API
- ออกแบบให้ core system คงสภาพเดิมมากที่สุด
4. SME มักตัดสินใจเรื่อง business rule ช้า
Example:
- ใครมีสิทธิ์อนุมัติ?
- หน่วยนับที่ถูกต้องคืออะไร?
- ส่วนลดคำนวณจากราคา หรือ margin?
- การจัดหมวดหมู่สินค้าใช้ logic แบบไหน?
ถ้าสรุปช้า จะต้องแก้ไขระบบซ้ำหลายครั้ง → งบประมาณเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
วิธีป้องกัน
- สรุป business rule ให้ครบก่อนเริ่ม build
- มีเจ้าของการตัดสินใจเพียงหนึ่งคน
- ทำเอกสารให้ชัดเจนสำหรับทีมพัฒนา
5. Report คือค่าใช้จ่ายแฝงที่ SME ประเมินต่ำที่สุด
รายงานที่ดูเหมือนง่าย มักต้องใช้ logic ซับซ้อน เช่น:
- joins หลายตาราง
- การกรองตามสิทธิ์
- การรองรับหลายสกุลเงิน
- ข้อมูลย้อนหลัง
- Format export
ถ้าองค์กรต้องการรายงานเฉพาะทาง 10–20 รายงาน ต้นทุน customization จะเพิ่มอย่างรวดเร็ว
วิธีป้องกัน
- ใช้รายงานมาตรฐานก่อน
- เพิ่มรายงานใหม่หลังใช้งานจริงสักระยะ
- ตั้งคำถามกับทุก request: “จำเป็นจริงไหม?”
6. การเปลี่ยนแปลงองค์กร (change management) ไม่พร้อม = งบบานปลายแน่นอน
เมื่อพนักงานไม่คุ้นเคยกับระบบใหม่ มักพยายามให้ ERP “ทำงานแบบเดิม”
ซึ่งนำไปสู่:
- ฟอร์มพิเศษ
- ขั้นตอนอนุมัติที่ซ้ำซ้อน
- การสร้าง manual process ในระบบใหม่
- การพยายามแทน Excel ด้วยระบบ โดยคงรูปแบบเก่าไว้ทั้งหมด
วิธีป้องกัน
- อบรมผู้ใช้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- สื่อสารให้เข้าใจว่าระบบใหม่คือการปรับ workflow ให้ดีขึ้น
- สร้างแรงจูงใจให้ปรับตัวตามระบบ ไม่ใช่ให้ระบบปรับตามคน
7. การสื่อสารกับ vendor ไม่ชัดเจน = ทำงานซ้ำหลายรอบ
ตัวอย่างปัญหา:
- ไม่มีเอกสาร requirement
- ไม่มีตัวอย่างภาพหน้าจอ
- เปลี่ยนเงื่อนไขระหว่างพัฒนา
- หลายคนสั่งงานไม่ตรงกัน
ทำให้เกิดวงจร “ทำ–แก้–ทำใหม่–แก้อีก” ที่เผาเวลาและงบประมาณ
วิธีป้องกัน
- เขียน requirement ชัดเจน
- ทำ mockup หรือ screenshot ให้ vendor
- ให้มีผู้ประสานงานเพียงคนเดียว
สรุป: SME ไม่ได้ต้องการการ Customize เพิ่ม แต่ต้องการ Customize อย่างมีเหตุผล
ธุรกิจไทยควบคุมค่าใช้จ่าย ERP ได้มากขึ้น หาก:
- ชัดเจนใน workflow
- แยกสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ ออกจากสิ่งที่ “อยากได้”
- ตัดสินใจเร็วและเป็นหนึ่งเดียว
- ให้ความสำคัญกับมาตรฐานระบบมากกว่า custom
ERP ที่ดีไม่ควรเป็นภาระงบประมาณ
แต่ควรเป็นเครื่องมือให้ธุรกิจเติบโตง่ายขึ้นในระยะยาว
Get in Touch with us
Related Posts
- แปลคำศัพท์ Cybersecurity ให้เข้าใจแบบนักพัฒนา Software
- การออกแบบระบบ Cybersecurity Monitoring & Incident Response สมัยใหม่ สถาปัตยกรรมเชิงปฏิบัติ ด้วย Wazuh, SOAR และ Threat Intelligence
- แนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบคลาสสิกในยุค AI
- SimpliPOSFlex. POS สำหรับธุรกิจที่อยู่บนความจริงของหน้างาน
- แนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบคลาสสิก: บทเรียนที่เรายังได้เรียนรู้จาก Kernighan & Pike
- ก่อนจะเริ่มเขียนโค้ด: 5 คำถามที่เราถามลูกค้าทุกครั้ง
- ทำไมระบบที่ทำกำไรได้ อาจไม่มีคุณค่าที่แท้จริง
- โลกของเธอ
- สร้างระบบ Automation ที่เชื่อถือได้ด้วย Temporal + Local LLM + Robot Framework แนวทางสำหรับองค์กรไทยที่ต้องการ Automate งานบัญชี-ERP อย่างปลอดภัย
- RPA + AI: ทำไมระบบอัตโนมัติถึงล้มเหลว หากไม่มี “ความฉลาด” และการควบคุมที่ดี
- การจำลองความขัดแย้งชายแดนและ Proxy War
- แก้ “การค้นหาและการเข้าถึง” ก่อน ก้าวแรกที่เร็วที่สุดในการฟื้นคุณค่าห้องสมุดมหาวิทยาลัยในยุคดิจิทัล
- เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มใหม่ สำหรับโรงงานที่ขายเศษวัสดุ และโรงงานรีไซเคิลในประเทศไทย
- แนวทางพัฒนา MES ด้วย Python สำหรับโรงงานไทย
- MES vs ERP vs SCADA: บทบาทและขอบเขตที่โรงงานไทยควรรู้
- ทำไมการเรียนเขียนโปรแกรมถึง “เจ็บปวด” — และเราจะแก้มันอย่างไร
- องค์กรควรเลือก AI แบบ GPT หรือ AI แบบ Gemini?
- ตัวอย่างการใช้งานจริงที่ GPT-5.2 เหนือกว่า GPT-5.1 อย่างชัดเจน
- ChatGPT 5.2 vs 5.1 — อธิบายความแตกต่างด้วยอุปมาเข้าใจง่าย
- ทำไมธุรกิจที่กำลังเติบโต มัก “โตเกิน” ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในที่สุด และบริษัทที่ประสบความสำเร็จเขาจัดการอย่างไร













