แก้ “การค้นหาและการเข้าถึง” ก่อน ก้าวแรกที่เร็วที่สุดในการฟื้นคุณค่าห้องสมุดมหาวิทยาลัยในยุคดิจิทัล
บทนำ
มหาวิทยาลัยไทยกำลังลงทุนด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็น LMS, ระบบข้อมูลวิจัย, AI, หรือโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์
แต่มีระบบหนึ่งที่มักถูกมองข้าม ทั้งที่ส่งผลต่อการเรียนและการวิจัยโดยตรง คือ
ประสบการณ์การใช้งานห้องสมุดดิจิทัล
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ห้องสมุด “ไม่มีทรัพยากร”
และไม่ได้อยู่ที่บุคลากร “ขาดความรู้”
แต่อยู่ที่ความจริงข้อเดียว:
นักศึกษาและอาจารย์จำนวนมาก “ค้นหาไม่เจอ” หรือ “เข้าใช้งานไม่ได้”
ก่อนจะเพิ่ม AI หรือซื้อฐานข้อมูลใหม่
มหาวิทยาลัยที่ประสบความสำเร็จเลือกทำสิ่งเดียวกันก่อน คือ
แก้ระบบการค้นหาและการเข้าถึง (Discovery & Access)
ปัญหาที่ซ่อนอยู่: มีข้อมูล แต่ไม่มีความเชื่อมั่น
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มี:
- ฐานข้อมูลวารสารนานาชาติ
- E-book
- วิทยานิพนธ์
- Institutional Repository
แต่เสียงสะท้อนที่ได้จริงคือ:
- “หาไม่เจอ”
- “คลิกแล้วเปิดไม่ได้”
- “ใช้ Google ง่ายกว่า”
นี่ไม่ใช่ปัญหาการอบรมผู้ใช้
แต่เป็น ปัญหาการออกแบบระบบ
เมื่อผู้ใช้เจออุปสรรคเพียงครั้งเดียว
เขาจะไม่กลับมาใช้ซ้ำ — และห้องสมุดจะค่อย ๆ หายไปจากชีวิตการเรียนรู้
“Discovery & Access” คืออะไร (ในมุมผู้บริหาร)
Discovery (การค้นหา)
ผู้ใช้สามารถค้นทรัพยากร ทั้งหมด จากจุดเดียว และผลลัพธ์มีความเกี่ยวข้องหรือไม่
Access (การเข้าถึง)
เมื่อเจอแล้ว สามารถเปิดอ่านได้ทันทีหรือไม่
ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกมหาวิทยาลัย
หากอย่างใดอย่างหนึ่งสะดุด → อัตราการใช้งานลดลงทันที
ทำไมเรื่องนี้สำคัญในเชิงนโยบาย
1) การใช้งานห้องสมุดคือคำถามด้านงบประมาณ
เมื่ออัตราการใช้งานต่ำ:
- งบฐานข้อมูลถูกตั้งคำถาม
- ยากต่อการอธิบายความคุ้มค่า
- ห้องสมุดถูกมองเป็น “ต้นทุน” มากกว่า “สินทรัพย์”
2) ห้องสมุดกำลังแข่งขันกับ Google และ AI
นักศึกษาไทยเปรียบเทียบประสบการณ์กับ:
- ChatGPT
- เครื่องมือ AI งานวิจัย
ถ้าระบบห้องสมุดช้าหรือซับซ้อนกว่า
ผู้ใช้จะไม่รอ
3) การแก้ Discovery & Access ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
เมื่อเทียบกับ:
- การซื้อฐานข้อมูลเพิ่ม
- การทำ AI pilot
- การ redesign เว็บไซต์
การแก้การค้นหาและการเข้าถึง:
- ใช้งบต่ำกว่า
- เห็นผลเร็วกว่า
- เพิ่มมูลค่าให้การลงทุนเดิมทั้งหมด
มหาวิทยาลัยที่ก้าวหน้า “แก้อะไรก่อน”
1) มีจุดค้นหาเดียว
ผู้ใช้ไม่ควรต้องคิดว่า:
- จะค้นจาก OPAC
- ฐานข้อมูล
- หรือคลังวิทยานิพนธ์
ระบบค้นหากลาง (Discovery Layer)
ช่วยลดความสับสนและเพิ่มการใช้งานอย่างชัดเจน
2) การเข้าถึงต้อง “ไร้รอยต่อ”
ผู้ใช้ไม่ควรต้องรู้จักคำว่า:
- EZproxy
- VPN
- License
จากมุมผู้ใช้ควรเป็น:
- Login ครั้งเดียว
- อยู่ที่ไหนก็เปิดได้
- เห็นชัดว่า “มี Full text”
3) ห้องสมุดต้องอยู่ในระบบการเรียนการสอน
ห้องสมุดควรปรากฏใน:
- Moodle / Canvas
- รายวิชา
- Reading list ของอาจารย์
เมื่อห้องสมุดอยู่ “ในห้องเรียนดิจิทัล”
อัตราการใช้งานจะเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องประชาสัมพันธ์
สิ่งนี้ “ไม่ใช่”
การแก้ Discovery & Access ไม่จำเป็นต้อง
- เปลี่ยน ILS ใหม่ทั้งหมด
- ซื้อ AI chatbot ทันที
- ย้ายระบบครั้งใหญ่
- สร้างความปั่นป่วนในองค์กร
ในทางปฏิบัติ เป็นการ เสริมบนระบบเดิม
แต่ให้ผลลัพธ์เชิงกลยุทธ์
วิธีการทำงานร่วมกัน (Workflow)
flowchart TD
A["1) ผู้บริหารเห็นพ้องทิศทาง (30–60 นาที)"] --> B["2) ตรวจสอบปัญหา Discovery & Access อย่างรวดเร็ว"]
B --> C["3) กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs)"]
C --> D["4) ออกแบบสถาปัตยกรรมเป้าหมาย + แผนเชื่อมระบบ"]
D --> E["5) ทดลองใช้ (Pilot) ในบางคณะ/หลักสูตร"]
E --> F["6) ปรับปรุงและทำให้เสถียร (ค้นหา, SSO, นอกมหาวิทยาลัย)"]
F --> G["7) ขยายผล + เชื่อม LMS + สื่อสารผู้ใช้"]
G --> H["8) วัดผลและปรับปรุงต่อเนื่อง"]
B --> B1["ข้อมูลนำเข้า: รายการระบบ, flow การ login, ตัวอย่างการค้นหา"]
F --> F1["ผลลัพธ์: ลดปัญหาเข้าไม่ถึง, เพิ่ม full-text access"]
H --> H1["ผลลัพธ์: dashboard เพื่อการตัดสินใจเชิงนโยบาย"]
ผลลัพธ์ที่พบได้จริง (ภายใน 1 ปีการศึกษา)
- อัตราการเปิด Full text เพิ่มขึ้น
- Ticket ปัญหาเข้าใช้งานลดลง
- การใช้งานนอกมหาวิทยาลัยเพิ่ม
- การอธิบายความคุ้มค่างบประมาณง่ายขึ้น
- ห้องสมุดกลับมามีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์
หลักคิดสำคัญ
อย่าเพิ่มความฉลาด ก่อนแก้การเข้าถึง
อย่าเพิ่มทรัพยากร ก่อนแก้การค้นหา
เมื่อผู้ใช้ค้นหาเจอและเปิดได้:
- AI จึงมีความหมาย
- Analytics จึงสะท้อนความจริง
- ผลกระทบด้านวิจัยจึงวัดได้
บทส่งท้ายสำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ห้องสมุดในอนาคต
ไม่ได้วัดจากจำนวนฐานข้อมูลที่มี
แต่วัดจาก:
- การไหลขององค์ความรู้
- ความง่ายในการเข้าถึง
- การเชื่อมโยงกับการเรียนและการวิจัย
การแก้ Discovery & Access
ไม่ใช่เรื่องเทคนิค — แต่คือ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
และเป็นก้าวแรกที่เร็วที่สุด
Get in Touch with us
Related Posts
- RPA + AI: ทำไมระบบอัตโนมัติถึงล้มเหลว หากไม่มี “ความฉลาด” และการควบคุมที่ดี
- การจำลองความขัดแย้งชายแดนและ Proxy War
- เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มใหม่ สำหรับโรงงานที่ขายเศษวัสดุ และโรงงานรีไซเคิลในประเทศไทย
- แนวทางพัฒนา MES ด้วย Python สำหรับโรงงานไทย
- MES vs ERP vs SCADA: บทบาทและขอบเขตที่โรงงานไทยควรรู้
- ทำไมการเรียนเขียนโปรแกรมถึง “เจ็บปวด” — และเราจะแก้มันอย่างไร
- องค์กรควรเลือก AI แบบ GPT หรือ AI แบบ Gemini?
- ตัวอย่างการใช้งานจริงที่ GPT-5.2 เหนือกว่า GPT-5.1 อย่างชัดเจน
- ChatGPT 5.2 vs 5.1 — อธิบายความแตกต่างด้วยอุปมาเข้าใจง่าย
- ทำไมธุรกิจที่กำลังเติบโต มัก “โตเกิน” ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในที่สุด และบริษัทที่ประสบความสำเร็จเขาจัดการอย่างไร
- Computer Vision บน Edge Device และสภาพแวดล้อมทรัพยากรจำกัด: ความท้าทายและโอกาสสำหรับไทย
- Simplico — โซลูชัน AI Automation และระบบซอฟต์แวร์เฉพาะทางสำหรับธุรกิจไทย
- AI สำหรับ Predictive Maintenance — จากเซนเซอร์สู่โมเดลพยากรณ์
- ผู้ช่วย AI สำหรับนักบัญชี — ทำอะไรได้ และทำอะไรยังไม่ได้
- ทำไมธุรกิจ SME ถึงจ่ายค่า Custom ERP แพงเกินจริง — และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
- ทำไมเราถึงสร้าง SimpliShop — และแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตได้อย่างไร
- Fine-Tuning vs Prompt Engineering แบบเข้าใจง่ายสำหรับผู้นำองค์กรไทย
- บทนำสู่ระบบชลประทานแบบแม่นยำ (Precision Irrigation)
- IoT Sensors ไม่ได้สำคัญที่สุด — “การเชื่อมข้อมูล” ต่างหากคือหัวใจของ Smart Farming
- พัฒนา Mobile Application ด้วย React / React Native













